นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ประเทศไทยได้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นเพื่อมาร่างรัฐธรรมนูญแล้วจำนวนทั้งสิ้น 4 ชุด
............
ได้แก่
สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2491
สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2502
สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539
สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแต่ละชุดก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป
ELECT
ขอพาทุกคนทำความรู้จักสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ทั้ง 4 ชุด ในประเทศไทย ผ่านการนำเสนอด้วย 10 หัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สสร. แต่ละชุด
พ.ศ. 2491
40 คน
พ.ศ. 2502
240 คน
พ.ศ. 2539
99 คน
พ.ศ. 2550
100 คน
ที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 4 ชุด ของประเทศไทย มาจากการเลือกตั้งโดยรัฐสภา 2 ชุด และการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ 2 ชุด ซึ่งยังไม่เคยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดใดที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
โครงสร้างของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 4 ชุด ของประเทศไทย มีการแบ่งประเภทสมาชิกอย่างชัดเจน 2 ชุด และไม่มีการแบ่งประเภทสมาชิก 2 ชุด ซึ่งยังไม่เคยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดใดที่มีสมาชิกครอบคลุมคนทุกกลุ่มในประเทศไทย
โครงสร้างของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 4 ชุด ของประเทศไทย มีสมาชิกที่มีเพศสภาพเป็นชายล้วน 2 ชุด และมีสมาชิกที่มีเพศสภาพเป็นชายและหญิง 2 ชุด แต่สมาชิกที่มีเพศสภาพเป็นหญิงนั้นมีในอัตราส่วนที่น้อยมาก
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หลายคน ได้เป็น สสร. มากกว่า 1 ครั้ง
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หลายคน อยู่ไม่ครบวาระด้วยสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ เสียชีวิต และลาออก
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หลายคน มีนามสกุลเดียวกัน ทั้งที่อยู่ในสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดเดียวกันและสภาร่างรัฐธรรมนูญต่างชุดกัน
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หลายคนเป็นที่รู้จักของสังคม เนื่องจากดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง หรือมีชื่อเสียงในสังคม
สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่ละชุด มีต้นกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญต่างฉบับกัน
สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่ละชุดใช้ระยะเวลาไม่เท่ากันในการทำงานเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นจากสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ชุด ล้วนไม่อยู่คงทนถาวร และถูกยกเลิกโดยการทำรัฐประหารทั้งสิ้น
รายละเอียดน่าสนใจเกี่ยวกับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ชุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แสดงเห็นให้ว่า
"การทำให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นกลไกทางประชาธิปไตยที่สามารถให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมได้เต็มที่และทั่วถึง เพื่อทำให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญที่คงทนถาวรและเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่สังคมไทยต้องร่วมกันขบคิดต่อไป"